พฤหัสศักดิ์สิทธิ์ (พิธีบูชาขอบพระคุณตอนเย็น) (ปี B)
ตรีวารปัสกา
1. พระศาสนจักรระลึกถึงพระธรรมล้ำลึกยิ่งใหญ่ การกอบกู้มนุษยชาติ คือการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน การถูกฝังไว้ในพระคูหา และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าอย่างสง่าในตรีวารปัสกา พระศาสนจักรยังเชิญชวนให้คริสตชนจำศีลอดอาหารในโอกาสปัสกา ด้วยในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และอาจจำศีลต่อไปในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย เพื่อจะได้ยกจิตใจเตรียมรับความยินดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพ

2. เพื่อจะเฉลิมฉลองตรีวารปัสกาอย่างเหมาะสม ควรจัดให้มีฆราวาสเป็นผู้ช่วยพิธีจำนวนเพียงพอ ซึ่งต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอนให้เข้าใจความหมายของพิธีกรรมที่เขาร่วมประกอบด้วย การขับร้องของสัตุบุรุษ ผู้ช่วยพิธี และพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีมีความหมายเป็นพิเศษสำหรับพิธีกรรมในสามวันนี้ ข้อความในพิธีกรรมจะมีพลังมากขึ้น ถ้าได้รับการประกาศขับร้องเป็นทำนอง
พระสงฆ์ผู้อภิบาลจึงควรอธิบายความหมาย และลำดับของพิธีกรรมให้สัตบุรุษเข้าใจดีขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพื่อเตรียมเขาให้ร่วมพิธีกรรมอย่างจริงจัง และบังเกิดผลตามที่พระศาสนจักรหวังไว้

3. พิธีกรรมในตรีวารปัสกานี้ต้องประกอบในอาสนวิหารและวัดประจำตำบล และในวัดที่อาจประกอบพิธีได้อย่างเหมาะสมเท่านั้น นั่นคือเป็นวัดที่มีสัตบุรุษมาร่วมเป็นประจำและมีผู้ช่วยพิธีจำนวนเพียงพอ จนสามารถขับร้องอย่างน้อยบางส่วนของพิธีกรรมได้

ดังนั้น คริสตชนกลุ่มเล็กๆ หมู่คณะนักบวช และกลุ่มฆราวาสต่างๆ ควรจะมาร่วมพิธีในวัดประจำตำบล เพื่อให้การประกอบพิธีกรรมดำเนินไปอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
พิธีบูชาขอบพระคุณตอนเย็น

ระลึกถึงการเลี้ยงของพระคริสตเจ้า

  1. มิสซาระลึกถึงการเลี้ยงของพระคริสตเจ้านี้ถวายในตอนเย็น ตามเวลาที่เหมาะสม โดยมีกลุ่มคริสตชนในท้องถิ่นมาร่วมพิธีโดยที่พระสงฆ์ทุกองค์ต่างปฏิบัติหน้าที่ของตน
  2. พระสงฆ์ที่ได้ร่วมถวายมิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ หรือได้ถวายมิสซาเพื่อประโยชน์ของสัตบุรุษแล้ว จะร่วมถวายมิสซาตอนเย็นอีกครั้งหนึ่งก็ได้
  3. ที่ใดมีเหตุผลด้านอภิบาลสัตบุรุษ ประมุขผู้ปกครองท้องถิ่นจะอนุญาตให้ถวายอีกมิสซาหนึ่ง ในโบสถ์และในภาวนาคารสาธารณะ มิสซานี้จะต้องถวายเวลาเย็น และในกรณีจำเป็นจริงๆ จะถวายเวลาเช้าก็ได้ แต่ต้องถวายเพื่อประโยชน์ของสัตบุรุษที่ไม่มีโอกาสจะร่วมมิสซาตอนเย็น ได้เท่านั้น อย่างไรก็ดี พึงระวังอย่าให้การถวายมิสซาแบบนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ของบางคนหรือบางกลุ่ม และไม่เป็นการลดความสำคัญของมิสซาตอนเย็น
  4. สัตบุรุษจะรับศีลมหาสนิทได้เฉพาะในเวลามิสซาเท่านั้น แต่พระสงฆ์จะส่งศีลมหาสนิทให้ คนเจ็บไข้ได้ไม่ว่าเวลาใด
  5. พระแท่นมีดอกไม้ตกแต่งได้พอประมาณให้เหมาะกับโอกาส ตู้ศีลต้องว่างเปล่า ในมิสซา ของวันนี้ให้เสกแผ่นศีลให้เพียงพอสำหรับคณะสงฆ์และสัตบุรุษที่จะรับศีลในวันนี้และวันศุกร์
6. เพลงเริ่มพิธี
เทียบ กท 6:14
ส่วนเราต้องภูมิใจในไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ในพระองค์นั้น มีความรอดพ้น มีชีวิตและการกลับคืนชีพของเรา
อาศัยพระองค์เราจึงรอดพ้นและเป็นอิสระ
7. สวดหรือขับร้องบท พระสิริรุ่งโรจน์ ขณะที่ขับร้องเพลงนี้ ให้ตีระฆัง และเมื่อจบเพลงนี้แล้ว ให้งดตีระฆังจนถึงคืนวันเสาร์ปัสกา เว้นแต่สภาพระสังฆราช หรือประมุขผู้ปกครองท้องถิ่น จะกำหนดเป็นอย่างอื่นเพื่อความเหมาะสม
8. บทภาวนาของประธาน
ข้าแต่พระเจ้า
ข้าพเจ้าทั้งหลายมาร่วมการเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
ซึ่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์
ก่อนจะทรงยอมสิ้นพระชนม์
ทรงมอบไว้แก่พระศาสนจักรให้เป็นการถวายบูชานิรันดรแบบใหม่
และเป็นการเลี้ยงแสดงความรักของพระองค์ท่าน
ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายตักตวงความรักเต็มเปี่ยม
และชีวิตบริบูรณ์จากพระธรรมล้ำลึกยิ่งใหญ่นี้ด้วย
ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า
พระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์
เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวกับพระองค์ และพระจิต ตลอดนิรันดร
บทอ่านจากหนังสืออพยพ
อพย 12:1-8, 11-14
%paraในสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า “เดือนนี้จะเป็นเดือนแรกสำหรับท่านทั้งหลาย เป็นเดือนเริ่มต้นปี ท่านทั้งสองจงบอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า วันที่สิบเดือนนี้ แต่ละคนต้องเลือกลูกแกะหรือลูกแพะตัวหนึ่งสำหรับครอบครัวของตน หนึ่งตัวต่อหนึ่งครอบครัว แต่ถ้าครอบครัวเล็กเกินไป กินลูกแกะไม่หมด จงเชิญเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมากินด้วยตามจำนวนคน การเลือกลูกแกะนั้นจงคำนึงว่า แต่ละคนกินได้เท่าไร ลูกแกะนั้นต้องไม่มีตำหนิ เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี จะเลือกลูกแพะแทนลูกแกะก็ได้ จงจับมันเลี้ยงไว้จนถึงวันที่สิบสี่ของเดือนนี้ แล้วให้ชุมชนของชาวอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะนั้นในตอนเย็น เอาเลือดทากรอบด้านข้างและด้านบนของบ้านที่จะกินลูกแกะนั้น คืนนั้นจงย่างเนื้อสัตว์นั้น แล้วกินกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม

%paraท่านทั้งหลายจงกิน โดยพร้อมที่จะเดินทาง คือคาดสะเอว สวมรองเท้าและถือไม้เท้า ท่านจงกินอย่างเร่งรีบ นี่เป็นปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในคืนนั้นเราจะผ่านทั่วแผ่นดินอียิปต์ และประหารบุตรคนแรกทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ทั้งของคนและสัตว์ เราจะลงโทษเทพเจ้าทั้งหมดของประเทศอียิปต์ เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เลือดที่กรอบประตูจะเป็นเครื่องหมายว่าเป็นบ้านที่ท่านทั้งหลายอาศัยอยู่ เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านเลยไป ท่านจะพ้นจากภัยพิบัติที่ทำลายขณะที่เราลงโทษแผ่นดินอียิปต์ วันนี้จะเป็นวันที่ท่านทั้งหลายต้องจดจำไว้ ท่านต้องถือเป็นวันฉลองถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านต้องฉลองเช่นนี้เป็นกฎถาวรชั่วลูกชั่วหลาน
สร้อย
ถ้วยดื่มถวายพระพรทำให้เราร่วมสนิทสัมพันธ์กับพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
(หรือเพลงที่ 66) จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี
เพลงสดุดี
สดด 116:12-13, 15-16 เฉพาะ ขค, 17-18
ก. ข้าพเจ้าจะตอบแทนองค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร
ให้สมกับที่ทรงดีต่อข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะชูถ้วยแห่งความรอดพ้น
และเรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า

ข. ความตายของผู้จงรักภักดีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้ามีค่ายิ่งนัก
เฉพาะพระพักตร์พระองค์
ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นบุตรของหญิงรับใช้พระองค์
พระองค์ทรงปลดโซ่ตรวนที่จองจำข้าพเจ้า

ค. ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณ
และจะเรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำปฏิญาณที่ให้ไว้แก่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ต่อหน้ามวลประชากรของพระองค์
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง
1 คร 11:23-26

พี่น้อง ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารค่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”
ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
(เพลงที่ 83) ขอสรรเสริญเยินยอพระองค์ ราชาธิราชผู้ทรงเกียรตินิรันดร
ก่อนพระวรสาร
ยน 13:34
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย
ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด”
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น
ยน 13:1-15
%paraก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด

%paraระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำ ปีศาจดลใจยูดาส อิสคาริโอท บุตรของซีโมนให้ทรยศต่อพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าพระบิดาประทานทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว และทรงทราบว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า และกำลังเสด็จกลับไปหาพระเจ้า จึงทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ ทรงถอดเสื้อคลุมออกวางไว้ ทรงใช้ผ้าเช็ดตัว คาดสะเอว แล้วทรงเทน้ำลงในอ่าง เริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์และใช้ผ้าที่คาดสะเอวเช็ดให้ เมื่อเสด็จมาถึงซีโมนเปโตร เขาทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจในภายหลัง” เปโตรทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ล้างเท้าข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา” ซีโมน เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า อย่าล้างเฉพาะเท้าเท่านั้น แต่ล้างทั้งมือและศีรษะด้วย” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่อาบน้ำแล้วก็ไม่จำเป็นต้องล้างอะไรอีกนอกจากเท้า เขาสะอาดทั้งตัวแล้ว ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคน” ทั้งนี้ทรงทราบว่า ใครกำลังทรยศต่อพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายสะอาด แต่ไม่ทุกคน”

%paraเมื่อทรงล้างเท้าของบรรดาศิษย์เสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่ง เสด็จกลับไปที่โต๊ะ ตรัสว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทำอะไรให้ท่าน ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผ้เู ป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน”
9. ในบทเทศน์ ให้อธิบายถึงพระธรรมล้ำลึกสำคัญ ซึ่งเราฉลองในพิธีมิสซาของวันนี้ คือการตั้ง ศีลมหาสนิทและศีลบวช ตลอดจนบัญญัติของพระคริสตเจ้า ที่สั่งให้เรารักกันและกันฉันพี่น้อง

พิธีล้างเท้า

  1. เทศน์จบแล้ว ที่ใดมีเหตุผลด้านอภิบาลสัตบุรุษ ก็ให้ทำพิธีล้างเท้า
  2. ผู้ช่วยพิธีนำชายที่ได้เลือกไว้ไปยังที่นั่งซึ่งจัดไว้ในที่เหมาะสม พระสงฆ์ (ถอดเสื้อกาสุลา ถ้าจำเป็น) เข้าไปหาแต่ละคน เทน้ำล้างเท้า แล้วเช็ด ผู้ช่วยพิธีคอยช่วยเหลือ
  3. ระหว่างล้างเท้า ให้ขับร้องบทเพลงลำนำต่อไปนี้บางบทหรือเพลงอื่นๆ ที่เหมาะสม

เพลงลำนำที่หนึ่ง

เทียบ ยน 13:4, 5, 15
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ว ทรงเทน้ำลงในอ่าง เริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์ พระองค์ทรงมอบแบบฉบับนี้ให้แก่เขา

เพลงลำนำที่สอง

เทียบ ยน 13:12, 13, 15
เมื่อพระเยซูเจ้าเสวยพระกระยาหารกับบรรดาศิษย์เสร็จแล้ว ทรงล้างเท้าของเขา ตรัสว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทำอะไรให้ท่าน เราเป็นอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า เราวางแบบอย่างไว้ให้ท่านแล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนที่เราทำกับท่าน”

เพลงลำนำที่สาม

เทียบ ยน 13:6, 7, 8
พร้อมกันข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้างเท้า ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา”
ก่อเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงซีโมนเปโตร เปโตรทูลพระองค์ว่า
รับข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้างเท้า ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา”
ก่อสิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจในภายหลัง
รับข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้างเท้า ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา”

เพลงลำนำที่สี่

เทียบ ยน 13:14
ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้ากันและกันด้วย

เพลงลำนำที่ห้า

ยน 13:35
พร้อมกันถ้าท่านมีความรักต่อกันและกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา
ก่อพระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า
รับถ้าท่านมีความรักต่อกันและกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา

เพลงลำนำที่หก

ยน 13:34
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด”

เพลงลำนำที่เจ็ด

1 คร 13:13
พร้อมกันขอให้ท่านทั้งหลายมีความเชื่อ ความหวัง และความรัก อยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ใหญ่กว่าหมดก็คือความรัก
ก่อขณะนี้ ยังมีความเชื่อ ความหวัง และความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ใหญ่กว่าหมดก็คือความรัก
รับขอให้ท่านทั้งหลายมีความเชื่อ ความหวัง และความรัก อยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ใหญ่กว่าหมดก็คือความรัก
13. เมื่อล้างเท้าเสร็จแล้ว พระสงฆ์ล้างและเช็ดมือ (สวมเสื้อกาสุลา) กลับไปยังที่นั่ง แล้วสวดบทภาวนาของมวลชน ไม่มีบท “ข้าพเจ้าเชื่อ”
ภาคบูชาขอบพระคุณ
14. เมื่อเริ่มช่วงเตรียมเครื่องบูชา สัตบุรุษจะแห่นำขนมปังและเหล้าองุ่นมามอบให้พระสงฆ์ และอาจนำทานสำหรับคนยากจนมาถวายด้วยก็ได้ ระหว่างนั้นให้ร้องเพลงต่อไปนี้ หรือเพลงอื่นที่เหมาะสม
เพลงลำนำ
(รับ) ที่ใดมีความรักแท้จริง พระเจ้าประทับอยู่ที่นั่น
(หรือเพลง) ที่ใดมีความรักและความเมตตา ที่ใดมีความรัก พระเจ้าประทับอยู่
  1. ความรักของพระคริสตเจ้า รวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน เราจงโลดเต้นยินดีและชื่นชมในพระองค์เถิด เราจงยำเกรงและรักพระเจ้าผู้ทรงชีวิต เราจงรักกันและกันด้วยใจจริงเถิด (รับ)
  2. ดังนั้น เมื่อเรามาร่วมชุมนุมกัน จงระวังอย่าให้ใจของเราแตกแยกกัน ขอให้เลิกการโต้เถียงเลวทราม และการทะเลาะเบาะแว้งกัน และขอให้พระคริสตเจ้าประทับอยู่ในหมู่เราเถิด (รับ)
  3. ข้าแต่พระคริสตเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ชมพระพักตร์ในพระสิริรุ่งโรจน์ พร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถิด และขอให้ได้รับความยินดียิ่งใหญ่และงดงาม ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
15. บทภาวนาเตรียมเครื่องบูชา
โปรดเถิด พระเจ้าข้า
โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างสมควร
เพราะพิธีระลึกถึงสักการบูชานี้ทุกครั้ง
ก็เป็นการรื้อฟื้นงานไถ่กู้ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย
ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
16. บทนำขอบพระคุณ

ข้าแต่พระบิดาเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สถิตนิรันดร พระเจ้าทรงสรรพานุภาพ เป็นการเหมาะสมถูกต้องแท้จริง และเป็นมิ่งมงคลที่จะขอบพระคุณพระองค์ตลอดกาล ณ ทุกสถานแห่งหน เพราะพระองค์บันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รอดพ้น เดชะพระบารมีพระคริสตเจ้า
พระองค์ท่านทรงเป็นสงฆ์เที่ยงแท้นิรันดร ทรงตั้งแบบบูชายัญซึ่งดำรงอยู่ตลอดกาล ทรงเป็นคนแรกที่พลีองค์ถวายเป็นบูชาบันดาลความรอดพ้น ทั้งยังมีพระบัญชาให้ข้าพเจ้าทั้งหลายถวายบูชานี้ เป็นอนุสรณ์ถึงพระองค์ท่าน พระกายที่ทรงถวายเป็นยัญบูชาเพื่อมนุษยชาติ เป็นอาหารเพิ่มกำลังให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย พระโลหิตที่หลั่งเพื่อมนุษยชาติ เป็นเครื่องดื่มที่บันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายบริสุทธิ์
ดังนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายพากันถวายพระเกียรติสดุดี พร้อมกับเทพนิกรและบรรดานักบุญ เป็นนิจกาล ว่าดังนี้
34. เพลงรับศีล
เทียบ 1คร 11:24, 25
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “นี่คือกายของเราที่มอบให้ท่านทั้งหลาย
ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา
ทุกครั้งที่ท่านจะกินปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้
จงทำเพื่อระลึกถึงเราเถิด”

35. เมื่อแจกศีลมหาสนิทเสร็จแล้ว ให้วางผอบที่มีแผ่นศีลสำหรับวันรุ่งขึ้นไว้บนแท่นบูชา ต่อจากนั้นพระสงฆ์สวดบทภาวนาหลังรับศีล
การแห่ศีลไปพัก
37. เมื่อสวดบทภาวนาหลังรับศีลแล้ว พระสงฆ์ยืนหน้าแท่นบูชา ใส่กำยานในเต้าแล้วคุกเข่า ถวายกำยาน ต่อจากนั้น รับผ้าคลุมบ่า หยิบผอบศีล เอาชายผ้าคลุมบ่าทั้งสองข้างคลุมไว้ 38. ขบวนแห่เริ่มเคลื่อนไป ไม้กางเขนเดินนำหน้า พร้อมด้วยผู้ถือเทียนขนาบข้างไม้กางเขน พระสงฆ์และผู้ช่วยพิธีอื่นๆ ถือเทียนเดินตามมา ผู้ถือกำยานเดินนำหน้าพระสงฆ์ผู้อัญเชิญศีลมหาสนิทเดินผ่านกลางโบสถ์ไปยังที่พักศีล ซึ่งจัดไว้ในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ที่ประดับประดาอย่างเหมาะสม ระหว่างนั้น ร้องเพลง Pange lingua (เว้นสองตอนสุดท้าย) หรือเพลงสรรเสริญศีลมหาสนิทอื่นๆ 39. เมื่อขบวนแห่มาถึงที่พักศีลที่เปิดอยู่ พระสงฆ์วางผอบศีลหน้าตู้ศีล ใส่กำยานในเต้า แล้วคุกเข่าถวายกำยานแก่ศีลมหาสนิท ขณะนั้นขับร้องบท Tantum ergo หรือบทเพลงสรรเสริญศีลมหาสนิทอื่นๆ ต่อจากนั้น พระสงฆ์นำศีลมหาสนิทใส่ในตู้ศีลแล้วปิดประตูตู้ศีล 40. เมื่อนมัสการศีลมหาสนิทเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้ว พระสงฆ์กับผู้ช่วยพิธีคุกเข่าเคารพศีลมหาสนิท แล้วกลับไปยังห้องสักการภัณฑ์ 41. ต่อจากนั้น ให้นำสิ่งของต่างๆ ออกจากแท่นบูชา และถ้าทำได้ ให้นำกางเขนออกไปเก็บไว้ในห้องสักการภัณฑ์ด้วย ถ้ายังมีกางเขนเหลืออยู่ในโบสถ์ ก็ควรมีผ้าสีม่วงคลุมไว้ 42. ผู้ร่วมพิธีมิสซาตอนเย็น ไม่ต้องสวดบททำวัตรเย็น 43. ควรเตือนสัตบุรุษให้มาเฝ้าศีลมหาสนิท ตลอดช่วงเวลาที่เหมาะสม เวลากลางคืน ตามธรรมเนียมของแต่ละแห่ง แต่หลังเที่ยงคืนแล้วการเฝ้าศีลไม่ต้องทำอย่างสง่า 44. ถ้าในวัดนั้น จะไม่มีพิธีระลึกถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้าในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ มิสซาจบตามปกติ และเก็บศีลมหาสนิทไว้ในตู้ศีลเช่นเคย

ปรับปรุงครั้งสุดท้าย : 8 มิ.ย. 2019
ติดต่อ : admin@thmass.online